
เรือนกาลกิณี
ในทางวิชาโหราศาสตร์ หมายถึงราศีที่ดาวเกษตรของราศีนั้นตกเป็นกาลกิณีตามทักษานั่นเอง ดาวใดเป็นกาลกิณีราศีที่ตนเป็นเกษตรก็เป็นกาลกิณีด้วย
แต่พิษของกาลกิณีจะครอบคลุมอยู่แต่เฉพาะในราศีนั้นเท่านั้น ไม่อาจกระจายไปที่อื่นได้
ดาวใดโคจรเข้าไปสถิตในราศีนั้นก็จะแปดเปื้อนกาลกิณีไปด้วย คือต้องพิษกาลกิณีนั่นเอง
คุณภาพของดาวก็จะเสียหายไปตามอิทธิพลของกาลกิณีนั้น
ดาวกาลกิณี (กาลี)
คือดาวที่ตกเป็นกาลกิณีทางทักษา ถ้าเป็นดาวในดวงเดิมโดยนับจากวันเกิดเจ้าชาตา ก็เรียกกาลกิณีเดิมที่จะสถิตอยู่ในราศีใดราศีหนึ่ง และจะออกฤทธิ์อยู่ที่ราศีนั้นแห่งเดียวเช่นกันกับเรือนกาลกิณี ราศีที่ดาวกาลีสถิตอยู่เป็นภพอะไร ความหมายของภพนั้นก็ต้องกาลกิณี
แต่เมื่อวางลัคนาจรสามัญทำให้มีการเปลี่ยนภพเกิดขึ้น ราศีที่เป็นภพของดาวกาลีนั้นก็จะเปลี่ยนไปด้วย
และดาวกาลีก็จะส่งพิษไปเคลือบกับความหมายของภพใหม่นั้นทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนภพ
กาลกิณีจร
หมายถึงกาลกิณีที่เกิดขึ้นจากการคำนวณอายุใหม่ตามอายุย่าง ซึ่งจะได้ทักษารอบใหม่และกาลกิณีตัวใหม่ไปตามกฎของทักษา ดาวที่ตกภูมิกาลกิณีจรนี้จึงถือเป็นกาลีจรด้วย
ในกรณีนี้ก็มีกาลกิณีสองแบบเช่นกัน คือแบบกาลกิณีประจำดวงจรนั้นๆ มีสถานะคงที่อยู่ในผังดวง
และมีอีกดวงหนึ่งที่เป็นดาวจร คือดาวที่โคจรอยู่ในท้องฟ้าขณะนั้น ซึ่งดาวนี้จะสามารถโคจรเคลื่อนที่ไปตามจักรราศีได้ ดังนั้น จึงเสมือนกับดาวนั้นนำ ‘กาลี’ ย่ำไปตามภพต่างๆ ได้เช่นกัน ผ่านภพพใดก็สามารถหว่านกาลีลงไปในภพนั้น ทำให้ภพนั้นเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาในลักษณะต่างๆ ตามทิศทางของแต่ละภพนั้นเอง
ตรงนี้แหละครับที่เป็นชื่อของหัวข้อที่เรากำลังศึกษากันอยู่นี้
ผมจะย่ำไปทีละภพโดยจะแจงให้เห็นในแบบสังเขปว่า ถ้าดาวกาลีเข้าสถิตในภพนี้แล้วจะส่งโทษให้ดวงชาตาอย่างไรบ้าง มีแง่คิดอะไรอยู่ในนั้นไหม
ย่ำไปที่ภพแรกคือภพตนุก่อน ภพตนุนี้มีความหมายถึงตัว (เจ้าชาตา) เอง, ของส่วนตัว โทษที่จะได้รับจึงมักตกที่ตัวเจ้าชาตาเสียมากกว่า
และเพื่อให้มีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับคุณสมบัติของดาวที่เข้ามาผูกพันกับโทษของกาลีว่ามีโดยลักษณะใด ในภพนี้ผมจึงจะแจงให้ดูครบทั้ง ๘ ดาวเลยทีเดียว
แต่ทำแค่ภพเดียวให้เป็นตัวอย่างเท่านั้นนะครับ เพราะทำทุกภพไม่ไหว เหนื่อยเกินไปสำหรับคนแก่อย่างผมครับ
แต่มีตัวอย่างภพเดียวนี่ก็น่าจะเข้าใจกันได้แล้วละว่าจะปรับความหมายที่ได้นั้นไปทางใด เพราะเรารู้คุณสมบัติของดาวกันดีแล้วนี่ใช่ไหมครับ?
เอาละครับ เริ่มภพแรกกันได้แล้ว ดูให้ดีครับ
ภพตนุ
ถ้าดาว ๑ เป็นกาลี
อาจส่งโทษแก่เจ้าชาตาได้ดังนี้…
– เสื่อมเสียเกียรติ, ถูกใส่ร้ายป้ายสี, ถูกกลั่นแกล้ง, มีภัยจากความร้อน/ที่สูง, ไม่ได้รับการเลื่อนขั้นตามที่ต้องการ, ระวังสุขภาพตาขวา, จะแพ้ความ
ถ้าดาว ๒ เป็นกาลี…
– ถูกตำหนิทั้งที่ทำดี (โดยส่วนตัว), ต้องพิษภัยจากอาหาร, ทำสิ่งผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ, ของส่วนตัวหาย, สุขภาพตาซ้ายจะไม่ดี, จิตใจไม่ค่อยปกติ
ถ้าดาว ๓ เป็นกาลี…
– อุบัติเหตุ, ถูกของมีคม, ได้รับบาดเจ็บ, มีเลือดออก, สร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว, เดือดร้อนจากบุคคลในเครื่องแบบ, กล้าในสิ่งผิด, ถูกคุกคาม
ถ้าดาว ๔ เป็นกาลี…
– มีปากเสียงกับผู้อื่น, ทะเลาะกับเพื่อนโดยขาดเหตุผล, นัดใครไม่เป็นนัด,ทำเอกสารสัญญาผิดพลาด, การเจรจามีปัญหา, การคมนาคมขัดข้อง, ได้รับข่าวร้าย, เบื่อสังคม ฯลฯ
ถ้าดาว ๕ เป็นกาลี…
– ถูกผู้ใหญ่ตำหนิ, เบื่อหน่ายงาน, เซ็งชีวิต, ใช้หลักวิชาผิดพลาด, ถูก (ผี) หลอก, ความคืบหน้าถดถอย,ไม่อยากเข้าหาผู้ใหญ่,ได้รับอยุติธรรม, ต้องคดีความ, แพ้ความ, ทำดีไม่ได้ดี ฯลฯ
ถ้าดาว ๖ เป็นกาลี…
– หดหู่ในความรัก, ถูกค่อนในด้านความสวยงาม, ป่วยในขณะท่องเที่ยว, มีปัญหาการเงิน, ซึมเศร้า…
ถ้าดาว ๗ เป็นกาลี…
– โกรธเกลียดง่าย (ความอดทนต่ำลง), ไวต่ออารมณ์เศร้า, รู้สึกเหมือนชีวิตถูกบีบคั้น, เก็บตัวมากขึ้น (เบื่อสังคม), เข้าข้างตัวเองอย่างไม่เคยเป็น…
ถ้าราหู ๘ เป็นกาลี…(จรในภพตนุ)
– ติดอบายมุขง่าย, ชวนเพื่อนเฮฮามากเป็นพิเศษ, ใช้จ่ายมากขึ้น, อยากเที่ยวอยากสนุก, มีลาภแบบคาดไม่ถึง, มีทุกข์แบบไม่คาดคิด, ได้คู่…
ครบทั้ง ๘ ดาวแล้ว นี่เป็นเพียงสังเขปเท่านั้นนะครับ เพราะบรรยายละเอียดไม่ไหว ต้องคิดเอาปัจจัยของดาวของภพรวมถึงหน้าที่ของดาวกาลีแต่ละดวงด้วยว่า เขามีหน้าที่ในดวงนั้นๆ (จะแจงอีกทีตอนท้ายบท) นำเอาปัจจัยนั้นมาประยุกต์กันกับพิษของกาลีก็จะได้คำตอบที่ละเอียดขึ้น
แต่ผมขอสะกิดไว้ตรงนี้อีกทีว่า พิษสงของกาลกิณีที่บรรยายตามดาวให้ดูนั้นไม่ได้หมายความว่า เมื่อดาวเดินเข้าภพตนุนี่แล้วจะเกิดพิษเหล่านั้นทั้งหมดนะครับ
ผมแจงให้รู้เพียงว่านี่คือตัวอย่างพิษของกาลีเท่านั้น การเกิดขึ้นหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของดวงแต่ละดวงที่ไม่เหมือนกัน อาจเกิดขึ้นเป็นบางอย่าง หรือไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้
แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างแน่นอนก็คือ เราได้รู้ว่าเมื่อมีดาวกาลีโคจรเข้ามาในภพต่างๆ นั้น โอกาสที่ดวงดวงนั้นจะได้รับผลจากกาลีคืออะไรบ้าง ทำให้เรามีโอกาสที่จะป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นตามพิษนั้น
และอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือ อย่าคิดว่าถ้ามีดาวกาลีเข้าภพแล้วจะต้อง เสีย อย่างแน่ๆ
ผมย้ำมาหลายครั้งแล้วว่าไม่ใช่ มันเป็นเพียง ‘โอกาส’ ที่กาลีจะออกฤทธิ์ได้เท่านั้น อย่าไปทาย เสีย ทั้งหมดเพราะเรานั่นแหละจะ เสียหน้า ซะเองได้
ต่อไปก็เป็นการย่ำภพต่ออีกสิบเอ็ดภพเรียงกันไปตามจักรราศีนั่นแหละครับ
ภพต่อไปคือภพกดุมพะ
ดาวกาลีจรเข้า…ภพกดุมพะ
ระวังความเสียหายจาก “สิ่งที่จะได้มา” ในช่วงนี้ให้ดี ไม่ว่าจะเป็นเงินทองรายได้หรือทรัพย์สินอย่างอื่นทั้งที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม เพราะ “สิ่งที่ได้มา” ในขณะที่ดาวกาลีจรมากระทบนั้นจะมีพิษของกาลีติดมาด้วย กาลีในภพนี้จะส่งพิษในรูปของ “ของขวัญ”, “ของฝาก” และ/หรือ “สินน้ำใจ” มากที่สุด (สินบนก็เรียก)
ดาวกาลีจรเข้า…ภพสหัชชะ
ส่งอิทธิพลในด้านการเดินทาง, การติดต่อ เป็นส่วนใหญ่ พิษกาลีจะทำให้การเดินทางหรือติดต่อไม่ราบรื่น รองลงไปก็คือด้านสังคมและข่าวสาร ดาวกาลีเข้าภพนี้จะบั่นทอนความสมานฉันท์ระหว่างเพื่อนฝูง ข่าวด่วนที่เข้ามามักจะเป็นข่าวร้าย การเดินทางที่มีความเสี่ยงสูงจะต้องระวังให้มากที่สุดในยามที่กาลีจรเข้าภพนี้ของคุณ
ดาวกาลีจรเข้า…ภพพันธุ
ภพนี้เป็นภพที่มีความเสี่ยงในดวงชาตาสูงจึงต้องระวังให้มากเมื่อมีดาวกาลีจรเข้ามา เพราะเป็นภพที่บอกถึงความมั่นคงของชีวิตชาตานั้นเอง สิ่งที่ต้องระวังก็คือความเสี่ยงต่างๆ นั่นแหละ โดยเฉพาะความเสี่ยงที่เป็นความอัปรีย์จัญไรของชีวิตด้วยไม่ควรทำเป็นอันขาด เช่น ลักของในวัด-ตัดเศียรพระพุทธรูป-ฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่น (ไม่ต้องพูดถึงโกงชาติโกงแผ่นดิน) หรือแม้แต่การด่าบุพการีหรือผู้มีพระคุณก็ต้องพิษกาลีนี้แล้ว
ดาวกาลีจรเข้า… ภพปุตตะ
ภพนี้หมายถึงสิ่งเล็กๆ
แต่เป็นความเล็กที่จะเติบใหญ่ขึ้นมาในกาลต่อไป
ถ้าต้องพิษกาลีก็จะทำให้การเติบโตที่จะมีนั้นสะดุดลง
จึงต้องตรวจให้ดีว่าดาวกาลีที่เข้ามาแผลงฤทธิ์อยู่นั้นเป็นดาวที่ทำหน้าที่อะไร
มันจะออกฤทธิ์ไปทางนั้น เช่น ถ้าดาวกาลีนั้นเป็นดาวลาภะ ก็จะทำให้ลาภผลของเจ้าชาตานั้นสะดุดลง จะได้มากก็กลายเป็นได้น้อย
อีกส่วนหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือ ขณะที่ดาวกาลีย่ำภพนี้อยู่ จะริเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาในช่วงนี้ต้องรอบคอบที่สุด
เพราะถ้าต้องพิษกาลีเข้าแล้วกิจการนั้นจะโตไม่เป็น
ดาวกาลีจรเข้า…ภพอริ
นี่ก็เป็นอีกภพหนึ่งที่ต้องระวังอย่างสุดยอด มีหลายคนคิดว่ากาลีเข้าทุสถานภพจะกลับเป็นดี
แต่ไม่ใช่ครับ
เพราะภพนี้มีหน้าที่สร้างอริ อะไรโผล่เข้ามามันจับแต่งตัวให้เป็นอริกับดวงชาตาหมด ฉะนั้น ใครที่ดาวกาลีจรเข้าภพอริจะต้องตรวจทันทีว่าดาวกาลีนั้นทำหน้าที่อะไรในดวงชาตา
เพราะพิษกาลีจะถูกอริส่งโทษตามหน้าที่นั้นมาให้ในทันทีที่มีโอกาส
ถ้าเป็นดาวกดุมพะก็ระวังการเงินให้ดี จะใช้จ่ายอะไรต้องรอบคอบไม่งั้นจะมีปัญหา
เป็นดาวปัตนิก็ต้องเอาใจคู่ของตัวให้มาก หนักนิดเบาหน่อยอย่าถือสากัน ไม่งั้นมีปัญหาอีก อะไรอย่างนี้แหละครับ
ดาวกาลีจรเข้า…ภพปัตนิ
เรารู้กันแล้วว่าปัตนิคือคู่ครองหรือความร่วมมือร่วมใจกัน เช่น เป็นหุ้นส่วนกัน เป็นต้น
แต่อีกอย่างก็คือส่วนต่างๆ ที่แยกกันหลายๆ ส่วนแล้วมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว
นี่ก็เรียกว่าปัตนิเหมือนกันนะครับ
เช่นคอนโดมิเนียมนั่นไง มีคนอยู่นับหลายสิบครอบครัวในตึกหลังเดียวกัน ยังงี้คอนโดฯ นั้นก็คือปัตนิด้วย
เมื่อมีดาวกาลีจรมาเยือนภพปัตนิก็เท่ากับดวงชาตาได้ส่งสัญญาณให้เรารู้กันแล้วว่า ต้องระวังความสัมพันธ์ของหมู่ชนนี้ให้ดี
เพราะเป็นช่วงที่การเกาะกลุ่มอาจแตกได้อย่างง่ายๆ ถ้ามีตัวเสนียดตัวเดียวเข้าก่อกวน
ยิ่งถ้าดาวกาลีนั้นเป็นดาวอริ-วินาสน์ด้วยละก็ อย่าวางใจเป็นอันขาดทีเดียวเชียว
ถือว่าช่วงนั้นเชื้อแรงมาก มีไฟจ่อนิดเดียวก็ไหม้ทั้งหลังได้แล้ว ครอบครัวแตก, หุ้นส่วนพัง, คอนโดฯ ป่วน ก็เกิดได้ด้วยประการฉะนี้ละครับ
ถ้าระวังไว้ดีไฟก็ไม่มีเชื้อจะติด ถึงดาวกาลีเข้าก็มิเป็นไร
ดาวกาลีจรเข้า…ภพมรณะ
ดูเหมือนภพนี้จะเป็นภพเดียวที่ดาวกาลีไม่ชอบนัก
เพราะภพนี้มีหน้าที่สร้างมรณะให้กับอาคันตุกะผู้มาเยือน พิษกาลีที่พกพามาเมื่อเข้ามาในภพนี้ก็จะถูกบั่นทอนให้ลดน้อยลงได้ แม้ไม่หมดก็เหลือน้อยแหละ
วิธีสังเกตดาวกาลีที่จรเข้าภพนี้จึงต้องดูว่าเป็นดาวที่มีความแข็งแกร่งมากไหม
ถ้าเป็นดาวที่มีพลัง เช่น อาทิตย์-อังคาร-เสาร์ และบังเอิญราศีนั้นทำให้ดาวมีพลังมากขึ้นเป็นเกษตรเป็นอุจจ์ แบบนี้ภพมรณะก็ช่วยไม่ได้เท่าไหร่หรอกครับ พิษกาลียังคงมีอยู่ไม่เบาพอที่จะทำให้เจ้าชาตาปวดหัวได้แน่
และเนื่องจากนี่เป็นภพมรณะ โทษที่กาลีส่งมาให้จึงมีผลให้เกิดการสูญเสียขึ้นอีกด้วย
เสียอะไร ก็ดูเอาตามหน้าที่ของดาวกาลีนั่นแหละครับ
ดาวกาลีจรเข้า…ภพศุภะ
เห็นชื่อภพนี้แล้วอย่าเพิ่งร้องฮ้อนะ เพราะดาวกาลีไม่ได้มีหน้าที่มาช่วยทำให้ดวงศุภะขึ้นหรอก
แต่เขามีหน้าที่ป่วนให้ยุ่งตะหาก กาลีเข้ามาช่วงไหนก็ยุ่งช่วงนั้นแหละ
เช่น คุณเป็นอาจารย์นักวิชาการกำลังจะทำคลาสให้ขึ้นเป็น ศ. อยู่ พอดีช่วงนั้นดาวพฤหัสฯ เป็นกาลีจรมาสถิตในภพศุภะของคุณ นอนแอ้งแม้งอยู่ตั้งปี คุณก็เป็น รศ. เหงือกแห้งอยู่ทั้งปีเหมือนกันกว่าท่านพฤหัสฯ กาลีจะจรออกไป ทำให้ภพศุภะของคุณสว่างไสวขึ้นอีกครั้งถึงจะมีโอกาสเป็น ศ. ได้
เห็นไหมว่าไม่ได้เป็น ศ. ได้ง่ายๆ เหมือน ศ. ดุสิต หรอกนะ
นี่คือพิษของกาลีที่มันแย็ปเอานักวิชาการเหี่ยวไปเลย
ดาวกาลีจรเข้า…ภพกัมมะ
ภพนี้เป็นภพพิเศษภพหนึ่งของดวงชาตาเพราะนอกจากจะเป็นภพเกณฑ์สี่แล้วก็ยังเป็นภพที่ “กรรม” ใช้เป็นสำนักงานสำหรับแจกวิบากต่างๆ ให้ดวงชาตาด้วย ดาวกาลีมีหน้าที่ ‘ป่วน’ ชาตาอยู่แล้ว
เมื่อย่ำเข้ามาในดงกรรมเช่นนี้ก็เป็นโอกาสให้กรรมได้ส่งวิบากไปรบกวนชาตาได้ทุกรูปแบบ
ดังนั้น หากดาวกาลีย่ำเข้าภพนี้จะต้องระวังทุกเรื่องที่เจ้าชาตารู้สึกว่ามันหมิ่นเหม่กับภัยร้าย โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ที่กำลังทำอยู่ เพราะมันอาจจะถูกลิดรอนด้วยวิธีต่างๆ หรือจะพังโครมลงมาเลยก็ได้เหมือนกัน
โดยสังเกตได้จากดาวกาลีว่าเป็นดาวใด มีคุณภาพและคุณสมบัติแบบไหน มีหน้าที่อะไรติดตัวอยู่ เป็นดาวอ่อนหรือแข็ง หรือเป็นดาวเปลี่ยนแปลง เหตุการณ์ก็จะเป็นไปตามนั้น
แต่ถ้าดวงชาตาขณะนั้นมีความมั่นคงดี ตนุลัคน์เข้มแข็ง ดาวกัมมะไม่เป็นดาวกาลีเสียเอง ดาวตนุลัคน์จรอยู่ในภพที่ดี เหตุร้ายก็อาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ จึงไม่น่ากังวลอะไรนัก
จากดวงที่เห็นนี้ เป็นตัวอย่างของผู้ที่ถูกดาวกาลีจรเล็งเข้าสู่ภพกัมมะจรซึ่งดาวกาลีนั้นเองเป็นเจ้าเรือนภพกัมมะจรอยู่ด้วย
และภพที่ดาวกาลีจรอยู่นั้นก็คือภพมรณะและยังเป็นราศีที่ทำให้ดาวกาลีมีมาตรฐานเป็นประเสียอีก
แต่แม้จะโดนเข้าหลายเด้งเช่นนี้พิษสงของกาลีก็ยังไม่ได้หมดไปเลย ความเป็นดาวใหญ่มีพลังจึงทำให้ดาวพฤหัสฯ กาลีนี้ส่งพิษให้ดวงชาตาได้
ถึงขนาดที่เจ้าชาตาต้องหลุดพ้นจากการงานทุกชิ้นที่ทำอยู่ทั้งหมด
แม้ว่ากิจกรรมที่ทำอยู่นั้นจะมีเกียรติมีอำนาจระดับรัฐมนตรีก็ตาม (ดวงนี้ทำขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้ว)
เป็นดวงของรัฐมนตรีท่านหนึ่งที่ต้องตกงานเพราะพิษกาลีนี่เอง
ผมนำมาเป็นดวงครูเพื่อให้เห็นว่าแม้จะไม่ต้องทับ เอาแค่เล็งก็ยังส่งผลได้ถึงเพียงนี้
จึงเป็นจุดที่น่าศึกษาไว้อีกจุดหนึ่งว่า
ขนาดดาวกาลีเป็นประซึ่งถือว่ากำลังน้อยและไม่คงทนอยู่แล้ว แต่ความยิ่งใหญ่ของดาวก็ยังส่งผลร้ายให้แก่ชาตาได้อย่างน่ากลัวเหมือนกัน
ดาวกาลีจรเข้า…ภพลาภะ
ภพลาภะเป็นภพที่ดีของดวงชาตา แม้ดาวกาลีจะจรเข้ามาร่วมภพด้วย ก็มิได้ทำให้ผลเสียทางลาภผลเกิดขึ้นได้
แต่สิ่งที่ต้องคำนึงอยู่ก็คือ
ผลของลาภที่ได้นั่นแหละจะมีพิษของกาลีอยู่
เช่น มีเพื่อนขับรถมาฝากไว้ที่บ้านแล้วก็หายตัวไปเป็นปี ไม่รู้ว่าไปไหน เรานึกว่าเพื่อนไม่มาแล้วจึงยึดเอารถคันนั้นไว้ในฐานะเป็นลาภ
แต่ไม่นานก็มีตำรวจมาพบและจับเราไปดำเนินคดีฐานขโมยรถ
อย่างนี้แหละครับที่เป็นพิษของกาลีละ
กาลีเข้าลาภะจึงต้องระวังลาภที่เราจะได้ให้จงดีอย่าประมาท
ไม่งั้นอาจโดนดังตัวอย่างที่ยกมาให้ดูนี้ก็ได้
ดาวกาลีจรเข้า…ภพวินาสน์
ภพนี้ก็เป็นภพทุสถานะ แต่ความเป็นทุสถานะไม่อาจลดความเป็นพิษของกาลีได้ และพิษของกาลีในภพนี้ส่วนมากก็จะเป็นไปตามความหมายของภพ คือความแตกแยกเสียหาย เช่น ขับรถไปประสบอุบัติเหตุชนกันจนรถเสียหาย (ส่วนใหญ่จะมีดาวอุบัติภัยโผล่เข้ามาแจมในระยะนี้ด้วย) หรือไม่ความสัมพันธ์กับผู้อื่นที่เรามีอยู่ก็เกิดแตกร้าวกันอย่างไม่มีเหตุผล หรือมีเหตุที่น่าตกใจทั้งที่ไม่ควรเกิดเช่นงูเลื้อยเข้าบ้าน เป็นต้น นี่คือพิษของกาลีที่จรเข้าภพนี้
ก็เป็นอันว่ากาลีได้ย่ำเข้ามาครบทั้ง 12 ภพแล้ว แม้ตัวอย่างที่ให้ไว้จะไม่ละเอียดนัก แต่ก็คงพอจะเป็นแนวทางให้คุณๆ รู้ได้ว่าจะอ่านกาลีอย่างไรเมื่อเห็นกาลีจรเข้าสู่ภพต่างๆ นี้ ซึ่งการอ่านนั้นก็ไม่ได้ยากอะไร มีหลักอยู่เพียงแค่นี้เอง
1. ความหมายของภพเป็นตัวบอกถึงเรื่องที่จะเกิด เช่น ภพตนุมักเกิดกับตัวเองหรือกับของส่วนตัวหรือครอบครัวของตัว
2. เอาความหมายของภพบวกกับหน้าที่และคุณสมบัติของดาวกาลีที่จรเข้ามาทำงาน เช่น อังคารมีหน้าที่กดุมพะเป็นกาลีจรเข้าภพลาภะ แสดงแนวโน้มว่าเจ้าชาตาจะพลาดที่จะได้รับเงินจากลูกหนี้ที่นัดจะมาคืนให้ (เพราะอังคารเป็นดาวแข็งแกร่ง)
3. กาลีเข้าภพใดนำความร้ายมาให้ภพนั้น
เมื่อเรารู้หลักดังนี้แล้ว เราก็สังเกตเอาว่ากาลีจรเข้าภพใด จะส่งโทษให้กับภพนั้นตามหลักดังกล่าว แต่พึงนึกไว้ด้วยว่าโทษของกาลีที่จะส่งให้นั้น มักจะเป็นโทษที่แสบคันมากกว่าโหดเหี้ยม ต้องตรวจดูดาวอื่นที่มาสัมพันธ์ด้วยว่าจะให้ผลร้ายร่วมหรือไม่ เพราะถ้าเป็นดาวเจ้าการเรื่องร้าย